เลมอนเค้ก (Lemon Cake)

เลมอนเค้ก (Lemon Cake) มีส่วนผสมของมะนาวเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด มีฤทธิ์เย็น มะนาวมีวิตามินซีสูงนิยมนำมาปรุงอาหารที่มัรสจัดจ้าน หรือนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ดับกระหาย มะนาวมีสรรพคุณรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ลักกระปิดลักเปิด ช่วยลดอาการเจ็บคอ แก้ไข้ ขับเสมหะ และดับพิษร้อน

ส่วนผสม
. แป้งเค้ก 1000 กรัม
. ไข่ไก่ 3 ฟอง
. แป้งข้าวดพด 10 กรัม
. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
. เกลือป่น 1/4ช้อนชา
. วานิลลาชนิดน้ำ 1 ช้อนชา
. น้ำตาลทราย 125 กรัม
. โอวาเลต 15 กรัม
. น้ำเย็น 25 กรัม
. น้ำมันพืช 50 กรัม
. วิปปิ้งครีมไขมันต่ำ ตีจนขื้นฟ 200 กรม
. เยลลี่รสมะนาวสำหรับแต่งหน้าเค้ก

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด เกลือป่น และผงฟูรวมกัน ใส่น้ำตาลทราย
ลงในแป้งแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันในอ่างผสม

2. ใส่ไข่ไก่และวานีลลาลงในส่วนผสมแป้งข้อ1. ตามด้วยโอวาเล็ต เปิด
เครื่อง ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน จากนั้นเพิ่มเป็นความเร็วสูง ตีสักพักแล้วเทน้ำ เย็น
ลงไป ตีติดต่อกันจนส่วนผสมข้นดี ลดความเร็วลงต่ำ ตีต่อจนเนื้อเนียนดีก่อนค่อยใส่น้ำมันพืช
ตีผสมพอเข้ากันอีกสักพักแล้วปิดเครื่อง

3. เทส่วนผสมใส่พีมพ์กลมขนาด 3 ปอนด์ (ทาเนยขาวแล้ว) อบที่อณหภูมิ 150-175 องศาเซลเซียส (300-325 องศาฟาเรนไฮต์) นาน 25-30 นาท หรือจนกระทั่งเค้กสุก นำเค้กออกจากพิมพ์
พักให้เย็นบนตะแกรง จากนั้นสไลช์เค้กออกเป็น 2 ชั้น สอดไส้เค้กด้วยมูสมะนาว
ปาดหน้าเค้กด้วยวิปปิ้งครีม ตกแต่งต้วยเยลลี่รสมะนาวหรีอรสผลไม้ตามชอบ

4. นำไปแชเย็นประมาณ 15-20 นาทีก่อนตัดเป็นชิ้นรับประทาน

ส่วนผสมมูสมะนาว
.ไข่แดง 2 ฟอง
. น้ำตาลทราย 75 กรัม
. น้ามะนาว 40 กรัม
. สีเหลือง๖ะนาว 1 ช้อนชา
. กลิ่นนะนาว 1/4 ช้อนชา
. วิปปิ้งครีมไขมันต่ำ 100 กรััม
. เจลาติน 2 ช้อนชา
.น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย สีเหลืองมะนาว และกลิ่นมะนาวเข้าด้วยกัน นำไปตุ๋นไฟอ่อนพอให้น้ำตาลและส่วนผสมละลายเข้ากันดี ใช้พายไม้คนส่วนผสม ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไข่แดงสุก เสร็จแล้วปิดไฟ ยกลงจากเตา เดิมน้ำมะนาวลงไป คนอีกครั้งให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้ให้ส่วนผสม เย็น

2. ละลายเจลาตินในน้ำร้อน แล้วนำไปเทในส่วนผสมข้อ1. คนให้เข้ากัน จากนั้นตีวิปปี้งครีมให้ขึ้นฟู แล้วตักวิปป็้งคริมใส่ส่วนผสมเจลาติน คนด้วยตะกร้อ มือเบา ๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้สำหรับสอดไส้ เค้กต่อไป

เค้กช็อกโกแลต

เมนูนี้เอาใจคนที่ชอบกินช็อกโกแล็ต เค้กช็อกโกแลต เป็นเค้กที่มีส่วนผสมที่ทำด้วยช็อกโกแลต

ส่วนผสม
แป้งเค้กร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย
น้ำตาลทรายป่น 1 /3 ถ้วย
เนยหรือมาร์การีน 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ช็อกโกแลตชนิดผงละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
นม 1/3 ถ้วย
เบกกิ้งโซดา 1 /2 ช้อนชา
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
ไข่ 3 ฟอง
วานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือป่น เบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกัน
2. คนเนยกับน้ำตาลให้เป็นครี๖ ใส่ช็อกใกแลตผีง ไข่คนให้เข้ากัน ใส่วานิลลา คนให้เข้ากัน ใส่แป้งสลับกับนมจนนมหมด
3. ปูกระดาษไขลงในพิมพ์กลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 นิ้ว ลึก1 1 /2 นิ้ว ทาไขมันบาง ๆให้ทั่วพิมพ์ เทขนมลง 1/2 ของพิมพ์ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ
30-35 นาที เมื่อเค้กสุกเอาออกจากเตา วางบนตะแกรง ทิ้งไว้ให้เย็น หรือประมาณ 15 นาที จึงเอาออกจากพิมพ์


**เคล็ดลับ
วิธีการใส่ช็อกโกแลตผง ต้องใส่ทีละน้อยคนให้เข้ากัน ช็อกใกแลตจึงจะเข้ากับส่วนผสมได้ดี

เค้กน้ำผึ้ง

เค้กชนิดนี้เคล็ดลับอยู่ที่ต้องทำให้น้ำผึ้งคลายความเหนียวลงก่อน โดยการนำขวดน้ำผึ้งไปวางในอ่างน้ำร้อน ถ้าน้ำผึ้งไม่คลายตัว เวลาตีจะไม่ขึ้นและจะรวมตัวตัวกับไข่ได้ยาก เค้กน้ำผึ้งนี้จะหอมอร่อยและได้ประโยชน์จากน้ำผึ้ง เหมาะจะกินกับชา หรือกาแฟในตอนบ่าย เป็นอาหารว่าง

ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 1 /4 ถ้วย
น้ำผี้ง 1 ถ้วย
ไข่ตีจนขึ้น 4 ฟอง
ผงฟู 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ใส่น้ำผึ้งลงในอ่างใบเล็ก วางอ่างลงในอ่างน้ำเดีอดอีกทีนึงคนให้น้ำผึ้งคลายตัวไม่เหนียว
2.ยกออกจากอ่างตีให้ฟู ใส่ไข่ตีลงไปแล้วให้เข้ากัน โดยใส่ไข่ลงไปทีละน้อย
3.ร่อนแป้ง ผงฟู เข้าด้วยกัน ใส่ลงในไข่และน้ำผึ้งที่ตีจนเข้ากันดีแล้ว
4. ปูพิมพ์สี่เหลี่ยมด้วยกระดาษลอกลาย ทาไขมันบาง ๆให้ทั่วพิมพ์ ใส่ขนมลงในพิมพ์ อบไฟ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที จนขนมสุกให้ตรวจดูว่าสุกทั่วหรือไม่โดยใช้ไม้จิ้มตรงกลางขนม ดึงไม้ขึ้นถ้าไม่ติดไม้จิ้มฟัน ถือว่าใช้ได้แล้ว
5. เอาขนมออกจากพิมพ์ วางบนตะแกรงปล่อยให้เย็นเอากระดาษออก แล้วราดด้วยน้ำผึ้งอีกที แล้วจึงตัดเป็นชิ้น ๆ พร้อมเสิร์ฟ

เค้กปอนด์

เค้กปอนด์

ส่วนผสม

แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1ครั้ง 1 1/4 ถ้วย
เนย 3/4 ถ้วย
น้ำตาลทรายป่น 3/4 ถ้วย
วานิลลา 1 ช้อนชา
ผิวมะนาว ขูดละเอียด 1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลไอซิ่งสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
1.เริ่มจาก ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน 2 ครั้ง
2.คนเนยกับน้ำตาลจนเป็นครีมใส่วานิลลา ผิวมะนาวขูดคนจน เข้ากันดี
3.ต่อยไข่คนให้เข้ากัน ใส่ลงไปในเนยคนจนเข้ากันแล้วจึงค่อย ๆใส่เเป้งทีละน้อย โดยวิธีคนตะล่อมพลิกจาก ข้างล่างมาข้างบน
4.ปูกระดาษไขลงในพิมพ์ 9x5x2 นิ้ว ทาไขมันบาง ๆ แล้วเทขนมลงในพิมพ์ 1/3 ของพิมพ์ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาอบประมาณ 50 นาที หรือจนกว่าสุก
5.พอสุกเอาออกจากพิมพ์วางบนตะแกรง โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง


***เคล็ดลับการทำเค้กปอนด์
การอบขนมในเตาเดียวกัน ต้องใช้พิมพ์และใส่ขนมเท่า ๆกัน ขนมจึงจะสุกพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ขนมไหม้ก้น ให้ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ 1 คู่ ปูลงบนลาดแล้วจึงวางพิมพ์ที่ใส่ขนมลงบนถาด ล้อมด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์พับ3 สูงเท่าขอบพิมพ์ ชุบน้ำพอเปียกล้อมรอบพิมพ์แล้วจึงอบจะได้ขนมที่เปลือกไม่หนาเมื่อสุกแล้ว
ถ้าต้องการให้ขนมหน้าเสมอกันให้ใช้พายยางปาดขนมให้เป็นแอ่งตรงกลางก่อนอบ เมื่ออบสุกขนมส่วนขอบจะ ไหลมาตรงกลางทำให้ขนมหน้าเรียบ

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม
เค้กกล้วยหอม เป็นขนมที่หลายๆคนชอบมาก โดยเฉพาะเด็กๆเพราะจะหอมหวานกลิ่นของกล้วยหอมและวินิลา เหมาะจะกินเป้นของว่างระหว่างวัน

ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1 ครั้ง 2 ถ้วย
ไข่ 2 ฟอง
วานิลลา 1 ช้อนชา
เนย ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
เบกกิ้งโซดา ¾ ช้อนชา
ผงฟู ½ ช้อนชา
เกลือ ½ ช้อนชา
กล้วยหอมหั่นละเอียด 1 ถ้วย
นมเปรี้ยว ¼ ถ้วย

วิธีทำ
1.เริ่มจาก คนเนยให้นุ่มเสร็จแล้วใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อย คนจนมีลักษณะเป็นเนื้อครีม ต่อยไข่ใส่ลงไปทีละฟอง คนให้เข้ากัน

2.ร่อนแป้งสาลี เบกกิ้งโซดา เกลือ ผงฟู ให้เข้ากัน 2 ครั้ง

3. ผสมนมเปรี้ยว กับกล้วยหอม เข้าด้วยกัน

4.จากนั้ให้ใส่แป้งลงไปในครีม ใส่กล้วยหอมที่ผสมกับนมเปรี้ยวสลับกับแป้งจนหมด ใส่วานิลลา คนๆให้เข้ากัน

5.ตักใส่ถ้วยกระดาษที่วางในถาดหลุมจะได้ทั้งหมด 18-20 กระทง

6.นำเข้าเตาอบ อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ใช้เวลานานประมาณ 25 นาที

7. เมื่อสุกเอาออกจากพิมพ์ โรยหน้าด้วยเนยแข็งขูดขณะที่เค้กยังร้อนอยู่ เพื่อให้เนยแข็งเกาะติดหน้าเค้กเวลาเย็นตัวลง

*** เค้กกล้วยหอมแบบนี้ กล้วยจะไม่มีสีดำ ต้องผสมกล้วยบดกับนมเปรี้ยวก่อนเป็นเทคนิคพิเศษ

เค้กผลไม้

เค้กผลไม้
เค้กผลไม้เป็นเค้กที่อร่อย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะมีเนื้อผลไม้และธัญพืชที่มีประโยชน์หลากชนิดแทรกอยู่ในเนื้อเค้ก ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่อร่อยแปลกลิ้นเวลากิน เหมาะจะกินคู่กับ ชา กาแฟยามบ่ายที่สุด

ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อน 1ครั้ง 3 ถ้วย
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
เนย 1/3 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 /2 ถ้วย
ไข่ไก่ 3 ฟอง
น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย
กล้วยตากหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/2 ถ้วย
ฟักเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
เชอร์รี่เชื่อมหั่นบาง 1/4 ถ้วย
อัลมอนด์หั่นหยาบ 1/4 ถ้วย
ลูกเกด 1/2 ถ้วย
มะตูมเชื่อมหั่นชิ้นเล็ก 1 /2 ถ้วย
อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา
เกลือ1 /2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เริ่มจากการร่อนแป้งสาลี ผงฟู เกลือ อบเชย เข้าด้วยกัน

2. ผสมผลไม้ทั้งหมดและอัลมอนด์เข้าด้วยกัน แล้วคลุกกับแป้งโดยแบ่งออกมา ¼ ถ้วย

3. คนเนยกับน้ำผึ้งให้เข้ากันโดยวิธีค่อย ๆรินน้ำผึ้งลงในเนย

4. จากนั้นต่อยไข่ไก่คนให้เข้ากัน ใส่ลงในเนย คนให้เข้ากัน

5. ค่อย ๆใส่แป้งลงในเนยสลับกับผลไม้และน้ำส้มคั้นคนให้เข้ากัน

6. ใช้กระดาษไขรองก้นพิมพ์ขนมปัง (พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 4x6 นิ้ว) ทาไขมันบาง ๆให้ทั่ว ตักขนมใส่ 1/2 ของพิมพ์ ปาดตรงกลางให้เป็นแอ่ง แต่งหน้าด้วยลูกเกดและเชอร์รี่สีแดง อบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮด์ ประมาณ 40 นาที หรือจนสุกเหลือง เมี่อสุกเอาออกจากพิมพ์เอากระดาษไขรองก้นพิมพ์ออก วางบนตะแกรงพักจนเย็น ห่อด้วยอะลูมินั่มฟอยล์ ควรจะทิ้งไว้สัก 3-5 วัน จึงจะยิ่งอร่อยมากขึ้น ขนมจะเหนียว เมื่อตัดเป็นชิ้น ๆ

***เคล็ดลับความอร่อย
ในการอบไม่ให้เปลือกเค้กหนาทำวิธีเดียวกันกับเคล็ดลับอบเค้กปอนด์ เค้กผลไม้ ถ้าทำเสร็จใหม่ ๆ เค้กจะไม่อร่อยไม่เหนียว เค้กจะร่วน เนื่องจากน้ำตาลจากผลไม้และน้ำผึ้งยังไม่เริ่มออกมา เด็กจะหน้าเสมอ ถ้าก่อนอบปาดตรงกลางให้เป็นแอ่ง

สิ่งที่ต้องระวังในการทำเค้ก

สิ่งที่ต้องระวังในการทำเค้ก
การทำเค้กนั้นต้องมีความเข้าใจและมีเทคนิค
เค้กแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามส่วนผสมและวิธีการทำที่ แตกต่างกัน ดังนี้

*เค้กเนย (butter cake) คือ เค้กที่มีปริมาณหรือเปอร์เช็นต์ของ
ไขมันสูง การขื้นฟูของเค้กเกิดจากการตีเนยเป็นหลัก ขั้นตอนสำคัญ
อยู่ที่การตีเนยกับน้ำตาลให้เป็นครีมก่อน แล้วใส่ไข่ แป้ง นม ตาม
ขั้นตอน เช่น เค้กเนย เค้กผลไม้ เค้กช็อกโกแลต เป็นต้น

*เค้กไข่ (foam cake) คือ เค้กที่ขื้นฟูด้วยการตีไข่กับน้ำตาล ไม่มี
ไขมันเป็นส่วนผสม การทำเค้กไข่ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะ
ฟองไข่ที่เกิดจากการตีไม่แข็งแรงเหมือนเค้กเนยที่มีไขมันเป็นหลัก
เข่น แยมโรล ขนมไข่ สปันจ์เค้ก แองเจิ้ลฟู้ดเค้ก เป็นต้น

*ชิฟฟอนเค้ก (chiffon cake) คือ เค้กที่มีลักษณะของเค้กเนย
และเค้กไข่รวมกัน คือ เนื้อเค้กละเอียดเหมือนเค้กไข่ และมีเนื้อเค้กที่
มันเงาหมือนเค้กเนย ต่างจากเค้กเนยตรงใช้น้ำมันพืชแทนเนยหรือ
เค้กมีลักษณะเบาและนุ่มมาก เช่น ชิฟฟอนเค้กใบเตย เป็นต้น

เทคนิคการทำเค้ก
* ควรปูกระดาษไขให้พอดีก้นพิมพ์หรือถาด แล้วจึงทาไขมันอย่างมาร์การีนหรือเนยสดชนิดจืดบางๆ ให้ทั่ว เนยสดจะช่วยให้เค้กมีสีสวยและกลิ่นหอม ไม่ควรใช้เนยสดชนิดเค็ม เพราะจะทำให้เค้กไหม้
* เนยสดต้องหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แช่ตู้เย็น เมื่อจะใช้ให้วางในอุณหภูมิห้องจนอ่อนตัวเล็กน้อย ตีขณะเนยเย็นตัว จะทำให้เนยขึ้นฟูและเบาดี
* ตีเนยกับน้ำตาลจนเป็นเนื้อเดียวกันและน้ำตาลละลายเป็นครีมก่อนจึงใส่ไข่ เนื้อเค้กจะละเอียดนุ่ม ไม่หยาบ ระวังอย่าตีส่วนส่วนผสมเหลว ถ้าเหลวให้รองก้นอ่างผสมด้วยน้ำแข็ง หรือนำไปแช่เย็นเพื่อให้เนยอยู่ตัวก่อนจึงตีต่อ เนยก็จะขึ้นฟูเช่นเดิม
* ใส่ไข่ลงในเนยที่ตีกับน้ำตาล ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว อย่าตีนาน เพราะจะทำให้ส่วนผสมแยกชั้น ถ้าแยกชั้นต้องรีบใส่แป้งทันที
* ช่วงสุดท้ายใส่แป้งที่ร่อนสลับกับนมหรือน้ำ การใส่แป้งต้องใส่สลับกับของเหลว คือ แป้ง 3 ส่วน นม 2 ส่วน เริ่มด้วยแป้งแล้วจบด้วยแป้ง ถ้าใส่นมหมดในครั้งเดียว ไขมันก็จะแยกตัวออกจากส่วนผสม ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควร
* การผสมเค้กในขั้นตอนสุดท้ายระหว่างแป้งกับนม ใช้พายยางหรือตะกร้อผสมด้วยการตะล่อมเบาๆจนเข้ากันทั่ว ข้อสำคัญต้องคนจนถึงก้นอ่างผสม หรือใช้มือผสมก็ได้ ผสมอย่าง เบามือพร้อมกับปาดกวาดส่วนผสมที่ขอบอ่างมาด้วย หรือถ้าผสม ด้วยเครื่องให้ใช้ความเร็วต่ำสุด อย่าตีนานเพราะส่วนผสมแป้งจะ เหนียว เมื่ออบสุกเนื้อเค้กจะแน่น
* ควรใส่ส่วนผสมเค้กลงในพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ สปันจ์เค้กควรเทส่วนผสมประมาณ่ 1/2 ของพิมพ์หรือกว่าครึ่ง
เล็กน้อย เนื่องจากสปันจ์เค้กจะขึ้นฟูเป็นเท่าตัวเมื่อสุก แล้วนำเข้า อบทันที ถ้าทิ้งไว้นานเกินเนื้อเค้กจะหยาบเมื่อสุก
* ชิฟฟอนเค้กควรตีด้วยความเร็วสูงจนไขขาวเริ่มตั้งยอด อ่อน จึงใส่น้ำตาล แล้วตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอด ข้อควรระวังในการตีไข ขาว อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น อ่างผสม ที่ตี ต้องสะอาดและแห้งสนิท ไม่มีไขมันหรือไข่แดงปน เพราะไขมันทำให้ไข่ขาวตีไม่ขึ้นฟู

* การตีไข่ขาวจะต้องตีด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ไข่ขาวขึ้น ได้ดีที่สุด ภาชนะที่ใช้ในการตีไข่ขาวควรเป็นแก้วหรือสเตนเลส เท่านั้น ถ้าตีในภาชนะที่เป็นพลาสติก ไข่ขาวจะตีไม่ขึ้นเท่าที่ควร การตีไข่ขาวถ้าตีมากเกีนไปจนตั้งยอดแข็ง เค้กที่อบออกมาจะมี ลักษณะเนื้อหยาบ มีฟองอากาศใหญ่ และแห้ง
* ชิฟฟอนเค้ก ผสมไข่แดงกับสวนผสมอื่นๆ ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำหรือน้ำผลไม้ ผสมให้เข้ากันจน เนื้อเนียนไม่จับตัวเป็นเม็ด ถ้าเป็นเม็ดควรกรองผ่านตะแกรง แป้ง เป็นเม็ดจะทำให้เด็กที่ได้มีลักษณะของเม็ดแป้งอยู่ในเค้กเมื่ออบสุก
* ชิฟฟอนเค้ก ตีไข่ขาวกับน้ำตาลอีกส่วนหนึ่งจนเป็น ฟองขาวแข็งตัวแต่ไม่แห้ง แล้วค่อยๆเทljวนผสมไข่แดงลงในไข่ขาว
ที่ตีได้ หรือเทไข่ขาวที่ตีลงในสวนผสมไข่แดง คนตะล่อมเบาๆจน เข้ากันดี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ต้องผสมเบาๆด้วยมือ หรือถ้าใช้
เครื่องผสมก็ต้องใช้ความเร็วต่ำสุด
* ในขั้นตอนของการผสมแป้งกับไข่ขาว ควรผสมให้เร็วที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อให้เค้กที่อบออกมามีปริมาณมากและเนื้อเค้กขึ้นฟูดี
* การตีไข่ ถ้าตีไข่ระยะเวลาอันสั้น ฟองที่เกิดขึ้นจะไม่มีความคงตัว ถ้าเพิ่มเวลาในการตีไข่ให้ถึงจุดพอดี ความคงตัวจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าตีเกินจุดพอดี จะทำให้ความคงตัวของฟองลดลงได้
* การอบเค้กต้องจุดเตาอบให้อุณหภูมิของเตาอบได้ตามที่ตำรับกำหนด
* ขณะอบขนมไม่ควนเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิในเตาอบลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
*ขณะอบขนมไม่ควรเปิดเตาอบดูเค้กบ่อยๆ เพราะการเปิดเตาอบแต่ละครั้งจะทำให้อุณหภูมิลดลง เค้กจะยุบตัวถ้าเป็นระยะที่เนื้อเค้กยังไม่สุก
* วางพิมพ์เค้กให้อยู่กลางเตาอบมากที่สุด
* การทดสอบหรือดูว่าเค้กอบสุกหรือยัง ให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มกลางขนม ถ้าเนื้อเค้กไม่ติดไม้ออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
* ถ้าจะแต่งหน้าเค้กให้กลับเอาด้านล่างขึ้นและใช้แปรงปัดเศษขนมออกให้หมดก่อนแล้วลงมือแต่ง ครีมจึงติดดีไม่มีเนื้อเค้กปน
* เมื่ออบขนมาแล้วให้คว่ำออกจากพิมพ์ แล้วลอกกระดาษไขออก อย่าให้ทิ้งไว้นาน เพราะกระดาษไขที่รองก้นพิมพ์เค้กจะอุ้มความชื้นของไอน้ำ ทำให้เนื้อเค้กที่ก้นพิมพ์แฉะ และลอกกระดาษไขออกยาก
* เค้กต้องอบจนสุกจริงๆ จึงนำออกจากเตาอบ ถ้านำออกก่อนเค้กสุก เค้กจะยุบตรงกลาง
* แยมโรลเอาออกจากพิมพ์แล้วม้วนทันที คลี่ขนมลงในผ้าขาวบางหรือบนกระดาษไขแล้วม้วน จะช่วยให้ม้วนโรลได้แน่น